เหตุแห่งการฟ้องหย่า 12 ประการ
เธอดีเกินไป จะอ้างเป็นเหตุฟ้องหย่าได้ไหม ???
เหตุฟ้องหย่ามีอะไรบ้าง ? เหตุฟ้องหย่าตามกฎหมายไทย
การฟ้องหย่าต้องอาศัยเหตุประการใดประการหนึ่งหรือหลายประการดังต่อไปนี้ ตาม ป.พ.พ.มาตรา ๑๕๑๖
- สามีหรือภริยาอุปการะเลี้ยงดูหรือยกย่องผู้อื่นฉันภริยาหรือสามี เป็นชู้หรือมีชู้ หรือร่วมประเวณีกับผู้อื่นเป็นอาจิณ อีกฝ่ายหนึ่งฟ้องหย่าได้ ตามมาตรา ๑๕๑๖ (๑)
( ก ) ได้รับความอับอาย ขายหน้าอย่างร้ายแรง
( ข ) ได้รับความดูถูกเกลียดชังเพราะเหตุที่คงเป็นสามีหรือภริยาของฝ่ายที่ประพฤติชั่วอีีกต่อไป หรือ
( ค ) ได้รับความเสียหายหรือเดือดร้อนเกินควร ในเมื่อเอาสภาพ ฐานะและความเป็นอยู่ร่วมกันฉันสามีภริยามาคำนึงประกอบ
อีีกฝ่ายหนึ่งฟ้องหย่าได้ ตามมาตรา ๑๕๑๖ (๒) (ก) (ข) ( ค)
๓. สามีหรือภริยาทำร้ายร่างกาย หรือทรมานร่างกายหรือจิตใจหรือหมิ่นประมาทหรือเหยียดหยามอีกฝ่ายหนึ่งหรือบุพการีอีกฝ่ายหนึ่ง ทั้งนี้ ถ้าเป็นการร้ายแรง อีกฝ่ายหนึ่งฟ้องหย่าได้ ตามมาตรา ๑๕๑๖ ( ๓ )
๔. สามีหรือภริยาจงใจละทิ้งร้างอีกฝ่ายหนึ่งไปเกิน ๑ ปี อีกฝ่ายหนึ่งฟ้องหย่าได้ ตามมาตรา ๑๕๑๖ (๔)
สาเหตุฟ้องหย่าข้อนี้ เธอจะโดนทิ้ง เธอรู้บ้างไหม ? เธอดีเกินไป เขาทิ้งไปแล้วคับ ฟ้องหย่าได้เมื่อครบ ๑ ปี
นับแต่วันที่รู้ว่าถูกทิ้งนะคับผม ข้ัอนี้คนทิ้งฟ้องหย่าไม่ได้ คนถูกทิ้ง ฟ้องหย่าได้คับ
๕. สามีหรือภริยาต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุกและได้ถูกจำคุกเกิน ๑ ปี ในความผิดที่อีกฝ่ายหนึ่งมิได้ก่อให้เกิดการกระทำความผิดหรือยินยอม หรือรู้เห็นเป็นใจในการกระทำความผิดนั้นด้วย และการเป็นสามีภริยากันต่อไปจะเป็นเหตุให้อีกฝ่ายหนึ่งได้รับความเสียหายหรือเดือดร้อนเกินควร อีกฝ่ายหนึ่งฟ้องหย่าได้ ตามมาตรา ๑๕๑๖ (๔/๑)
๖. สามีหรือภริยาสมัครใจแยกกันอยู่เพราะเหตุที่ไม่อาจอยุ่ร่วมกันฉันสามีภริยาได้โดยปกติสุขตลอดมาเกิน ๓ ปี หรือเเยกกันอยู่ตามคำสั่งของศาลเกิน ๓ ปี ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งฟ้องหย่าได้ ตามมาตรา ๑๕๑๖ ( ๔/ ๒ )
สาเหตุการฟ้องหย่าขอนี้ต้องเป็นการสมัครใจแยกกันอยู่ทั้งสองฝ่ายนะครับ ถ้าสมัครใจแยกกันอยู่แต่ฝ่ายเดียวแต่อีกฝ่ายหนึ่งไม่สมัครใจก็อ้างเป็นเหตุการฟ้องหย่า ตามข้อนี้ไม่ได้นะครับ เเม้จะเกิน ๓ ปี ก็ตามเทียบเคียงฎีกาที่ ๑๗๖๒/๒๕๔๒
๗. สามีหรือภริยาถูกศาลสั่งให้เป็นคนสาบสูญ หรือไปจากภูมิลำเนาหรือถิ่นที่อยู่เป็นเวลาเกิน ๓ ปี โดยไม่ทราบแน่ว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไร อีกฝ่ายหนึ่งฟ้องหย่าได้ ตามมาตรา ๑๕๑๖ ( ๕ )
ศาลสั่งให้เป็นคนสาบสูญได้เมื่อหายไปและไม่มีใครรู้ว่ายังมีชีวิตอยู่หรือไม่ เป็นระยะเวลา ๕ ปี หรือ ๒ ปี ในกรณีพิเศษตามมาตรา ๖๑ และเมื่อศาลสั่งให้เป็นคนสาบสูญแล้ว ให้ถือว่าบุคคลนั้นถึงแก่ความตาย ตามมาตรา ๖๒
๘. สามีหรือภริยาไม่ให้ความอุปการะเลี้ยงดูอีกฝ่ายหนึ่งตามสมควรหรือทำการเป็นปฎิปักษ์ต่อการที่เป็นสามีหรือภริยากันอย่างร้ายแรง ทั้งนี้ ถ้าการ
กระทำนั้นถึงขนาดที่อีกฝ่ายหนึ่งเดือนร้อนเกินควรในเมื่อเอาสภาพ ฐานะ และความเป็นอยู่ร่วมกันฉ้ันสามีภริยามาคำนึงประกอบ อีกฝ่ายหนึ่งฟ้องหย่าได้ ตามมาตรา ๑๕๑๖ ( ๖ )
๙. สามีหรือภริยาวิกลจริต ( บ้า ) ตลอดมาเกิน ๓ ปี และความวิกลจริตนั้นมีลักษณะยากจะหายได้ กับทั้งความวิกลจริตถึงขนาดที่จะทนอยู่ร่วมกันฉันสามีภริยาต่อไปไม่ได้ อีกฝ่ายหนึ่งฟ้องหย่าได้ ตามมาตรา ๑๕๑๖ ( ๗ )
สาเหตุการฟ้องหย่าข้อนี้ ถ้าทนได้ ประเภทสีทนได้ ก็ไม่ต้องหย่านะครับ ให้ไปร้องเป็นผู้อนุบาลเเทน เพื่อดูแลจัดการทรัพย์สินแทน
๑๐. สามีหรือภริยาผิดทัณฑ์บนที่ทำให้ไว้เป็นหนังสือในเรื่องความประพฤติ อีกฝ่ายหนึ่งฟ้องหย่าได้ ตามมาตรา ๑๕๑๖ ( ๘ )
๑๑. สามีหรือภริยาเป็นโรคติดต่ออย่างร้ายแรงอันอาจเป็นภัยแก่อีกฝ่ายหนึ่งและโรคมีลักษณะเรื่้้อรังไม่มีทางที่จะหายได้ อีกฝ่ายหนึ่งฟ้องหย่าได้ ตามมาตรา ๑๕๑๖ (๙ ) อันนี้ก็ยกตัวอย่างเช่น เป็นโรคเอดส์
๑๒. เเละสาเหตุการหย่าขอสุดท้าย คือสามีหรือภริยามีสภาพแห่งกายทำให้สามีหรือภริยานั้นไม่อาจร่วมประเวณีได้ตลอดกาล อีกฝ่ายหนึ่งฟ้องหย่าได้
ตามมาตรา ๑๕๑๖ ( ๑๐ )
แต่ถ้าจิ๋มเหม็น ไม่ถือว่าเป็นสาเหตุแห่งการฟ้องหย่าได้ ตาม ฏีกาที่ 488/2557
นาย...... ได้ยื่นฟ้องศาล ขอหย่ากับเมียโดยกล่าวหาว่า เมียจิ๋มเหม็นมาก ศาลได้พิเคราะห์พิจารณาด้วยความละเอียดอ่อนแล้วพิพากษาว่า ข้อหาจิ๋มเหม็น ไม่ใช่ข้ออ้างที่จะหย่าได้ และอีกอย่างจิ๋มมีไว้เพื่อสืบพันธ์ไม่ได้มีไว้เพื่อดม ศาลจึงยกฟ้อง....
สรุปการฟ้องหย่า มีเพียง ๑๒ สาเหตุตามนี้นะครับ ถ้านอกนี้ก็อ้างเป็นเหตุฟ้องหย่าไม่ได้
และยังมีข้อยกเว้นการฟ้องหย่าอีก นะครับตามมาตรา ๑๕๑๗ กับ ๑๕๑๘ กล่าวคือ
ถึงเเม้จะมีเหตุฟ้องหย่า ตามมาตรา ๑๕๑๖ แต่ก็ฟ้องหย่าไม่ได้ หากเข้าข้อยกเว้นดังต่อไปนี้
๑. ผู้ฟ้องหย่ายินยอมหรือรู้เห็นเป็นใจในการกระทำที่เป็นเหตุหย่าเกี่ยวกับการประพฤติผิดทางเพศและความประพฤติชั่วของคู่สมรสอีกฝ่ายหนึ่งอันเป็นเหตุฟ้องหย่าตามมาตรา ๑๕๑๖ (๑)และ(๒) จะยกเหตุดังกล่าวขึ้นฟ้องหย่าไม่ได้ตามมาตรา ๑๕๑๗ วรรคหนึ่ง
๒. ผู้ฟ้องหย่ากระทำให้คู่สมรสอีกฝ่ายหนึ่งมีสภาพแห่งกายไม่อาจร่วมประเวณีได้ตลอดกาลอันเป็นเหตุฟ้องหย่าตามมาตรา ๑๕๑๖ (๑๐) จะยกเหตุดังกล่าวขึ้นฟ้องหย่าไม่ได้ ตามมาตรา ๑๕๑๗ วรรคสอง
๓. หากคู่สมรสที่มีสิทธิฟ้องหย่าได้กระทำการอันเป็นการแสดงให้เห็นว่าได้ให้อภัยในการกระทำของอีกฝ่ายหนึ่งซึ่งเป็นเหตุให้เกิดสิทธิฟ้องหย่าแล้ว สิทธิฟ้องหย่าย่อมหมดไป ตามมาตรา ๑๕๑๘ ซึ่งใช้ได้กับทุกเหตุการฟ้องหย่าทั้ง ๑๒ ประการที่กล่าวมาเเล้ว
อีกทั้งต้องดูอายุความอีกว่าสิทธิฟ้องร้องระงับไปหรือยังตามมาตรา ๑๕๒๙ วรรคหนึ่ง ซึ่งกำหนดให้สิทธิฟ้องหย่าโดยอาศัยเหตุในมาตรา ๑๕๑๖ (๑) (๒) (๓) หรือ(๖) มีอายุความ ๑ ปี นับแต่วันที่ผู้กล่าวอ้างรู้หรือควรรู้ความจริงซึ่งตนอาจยกขึ้นกล่าวอ้างได้
การหย่าโดยคำพิพากษาของศาลมีผลนับแต่เวลาที่คำพิพากษาถึงที่สุด แต่จะอ้างเป็นเหตุเสื่อมสิทธิของบุคคลภายนอกผู้ทำการโดยสุจริตไม่ได้ เว้นแต่จะได้จดทะเบียนการหย่านั้นแล้วตามมาตรา ๑๕๓๑ วรรคสอง
ดังนั้นเมื่อศาลมีคำพิพากษาให้หย่ากันแล้ว เราผู้ฟ้องก็ต้องมาคัดถ่ายรับรองคำพิพากษาและขอหนังสือรับรองคดีถึงที่สุด เพื่อไปยื่นต่อนายทะเบียน เพื่อขอให้นายทะเบียนบันทึกการหย่าไว้ในทะเบียนต่อไปเท่านั้นครับ
แล้วพบกันใหม่ทีี่บทความต่อไปครับผม...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น