ถ้าคำสั่งตามมาตรา 44 ไม่ชอบ ไม่เป็นธรรม จะไปพึ่งใครได้?
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ( ฉบับชั่วคราว ) พ.ศ.2557 มาตรา 44
มาตรา 44 " ในกรณีที่หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติเห็นเป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์ในการปฏิรูปต่างๆ การส่งเสริมความสามัคคีและความสมานฉันท์ของประชาชนในชาติ หรือเพื่อป้องกัน ระงับ หรือปราบปรามการกระทำอันเป็นการบ่อนทำลายความสงบเรียบร้อยหรือความมั่นคงของชาติ ราชบันลังค์ เศรษฐกิจของประเทศ หรือราชการแผ่นดิน ไม่ว่าจะเกิดขึ้นภายในหรือนอกราชอาณาจักรให้หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติโดยความเห็นชอบของคณะรักษาความสงบแห่งชาติมีอำนาจสั่งการ ระงับยับยั้ง หรือกระทำการใด ๆ ได้ ไม่ว่าการกระทำนั้นจะมีผลบังคับในทางนิติบัญญัติ ในทางบริหาร หรือในทางตุลาการ และให้ถือว่าคำสั่งหรือการกระทำ รวมทั้งการปฏิบัติตามคำสั่งดังกล่าว เป็นคำสั่ง หรือการกระทำ หรือการปฏิบัติที่ชอบด้วยกฎหมายและรัฐธรรมนูญนี้และเป็นที่สุด ทั้งนี้ เมื่อได้ดำเนินการดังกล่าวแล้ว ให้รายงานประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติและนายยกรัฐมนตรีทราบโดยเร็ว "
และในมาตรา 45 ที่ให้อำนาจศาลรัฐธรรมนูญมีอำนาจวินิจฉัยปัญหาว่ากฎหมายใดขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญชั่วคราวนี้หรือไม่ ก็ไม่มีอำนาจตรวจสอบมาตรา 44 ได้นะครับผม..
จากข้อกฎหมายดังกล่าว สรุปใจความ มาตรา 44 ได้ว่า
1.คำสั่งหรือการกระทำใด ๆ ตามมาตรา 44 ไม่ว่าจะชอบหรือไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ก็ให้ถือว่าเป็นคำสั่งหรือการกระทำ ที่ชอบด้วยกฎหมายและรัฐธรรมนูญนี้
2.คำสั่งหรือการกระทำใด ๆ ตามมาตรา 44 ให้ถือว่าเป็นที่สุด คือจะโต้แย้ง อุทธรณ์ ฎีกา ไม่ได้
เพราะให้ถือว่าชอบด้วยกฎหมายและรัฐธรรมนูญซึ่งเป็นกฎหมายสูงสุดแล้ว อีกทั้งให้ถือว่าคำสังดังกล่าวเป็นที่สุด และยังห้ามไม่ให้่ศาลรัฐธรรมนูญรับวินิจฉัยว่าคำสั่งตามมาตรา 44 ดังกล่าวจะขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว พ.ศ.2557 หรือไม่???
ดังนั้น คำสั่ง คสช.ตามมาตรา 44 จึงถือว่าเป็นที่สุด ข้าราชการ ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากมาตรา44 จึงไม่สามารถที่จะนำคดีไปร้องต่อศาลต่างๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็นศาลปกครอง ศาลแพ่ง ศาลอาญา หรือแม้แต่ศาลรัฐธรรมนูญ
แล้วประชาชนจะไปพึ่งใคร พึ่งศาลก็ไม่ได้...
ถามว่าคำสั่ง คสช.ตามมาตรา 44 เป็นกฎหมายหรือเปล่า ?
ก็ตอบได้ว่าเป็นกฎหมาย แถมเป็นกฎหมายสูงสุด ที่กฎหมายหรือคำสั่งอื่นจะขัดหรือแย้งกับคำสั่ง คสช.ตามมาตรา 44 ไม่ได้
แล้วถามว่าคำสั่ง คสช. ตามมาตรา 44 ชอบด้วยหลักนิติรัฐ นิติธรรม หรือไม่ ?
ผมก็ตอบได้ว่า คำสั่งตามมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญชั่วคราว 2557 เป็นกฎหมายพิเศษ
ที่ยกเว้นหลักกฎหมายทั่วไป ยกเว้นหลักนิติรัฐ นิติธรรม
หลักการแบ่งแยกอำนาจ ของฝ่ายบริหาร ฝ่ายนิติบัญญัติ และฝ่ายตุลาการ
เพราะ มาตรา 44
1.ให้อำนาจ คสช.หรือนายกรัฐมนตรี ที่จะออกคำสั่ง กฎหมายอะไรก็ได้
ประเภทที่สามารถออกได้ตามอำเภอใจก็ว่าได้...
2. คำสั่ง หรือกฎหมาย ที่ออกตามมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญชั่วคราว ให้ถือว่าชอบด้วยกฎหมายและรัฐธรรมนูญและให้ถือว่าเป็นที่สุด ไม่สามารถ โต้แย้ง คัดค้าน ไม่สามารถฟ้องร้องทั้งทางแพ่งและทางอาญา หรือฟ้องศาลปกครองเพื่อให้เพิกถอนคำสั่งของ คสช. ของนายกรัฐมนตรี ตาม มาตรา 44 ได้
วันนี้นายกจะย้ายข้าราชการ ก็ต้องใช้มาตรา 44 ทั้งๆ ที่เป็นอำนาจที่สามารถทำได้อยู่แล้ว
แต่เป็นเพราะประเทศไทยนายกไม่สามารถแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการได้ เดียวถูกฟ้องศาลปกครอง
นายกแต่งตั้้ง โยกย้าย ข้าราชการไม่ได้ แล้วงานจะเดินได้อย่างไร ? เจอข้าราชการสายตรงข้าม
ใส่เกียร์ว่าง....แต่บอกว่าสามารถทำงานได้...
ดังนั้นผมสนับสนุนให้มีมาตรา 44 คงอยู่ตลอดไป เพื่อให้นายกสามารถแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการได้...
แต่มาตรา 44 ที่ไม่ถูกต้องไม่เป็นธรรม ก็ทำให้ประชาชนได้รับความเดือนร้อน ไม่ได้รับความคุ้มครอง สิทธิ เสรีภาพ ตามที่กฎหมายรัฐธรรมนูญรับรองไว้เช่นกัน
คำสั่ง คสช.ที่ 4/2559 เรื่องยกเว้นผังเมือง สำหรับโรงงานไฟ้ฟ้า โรงงานขยะ
ก็มีประชาชนออกมาชุมนุมคัดค้าน...
ต่อมาได้มีการยื่นคำฟ้องร้องต่อศาลปกครองสูงสุด เพื่อให้เพิกถอนคำสั่งตามมาตรา 44 ดังกล่าว
แต่สุดท้ายศาลปกครองสูงสุดได้มีคำสั่งไม่รับฟ้องไว้พิจารณา โดยศาลปกครองสูงสุดได้วินิจฉัยโดยสรุปได้ว่า " แม้เนื้อหาของคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 4/2559 มีสถานะเป็นกฎที่ออกโดยคณะรัฐมนตรีหรือโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี ซึ่งโดยทั่วไปอยู่ในอำนาจของศาลปกครองสูงสุด ( ตามมาตรา 3และมาตรา 11 (2) พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ.2542 ) แต่เนืองจาก
การออกคำสั่งหัวหน้า คสช.ดังกล่าว อาศัยอำนาจโดยตรงตามรัฐธรรมนูญฯ ( ฉบับชั่วคราว ) พ.ศ.2557 มาตรา 44 มิได้ออกโดยอาศัยอำนาจตามกฎหมายว่าด้วยการผังเมือง ประกอบกับรัฐธรรมนูญฯมาตรา 44
บัญญัติให้คำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ออกมาถือว่าชอบด้วยกฎหมายและรัฐธรรมนูญและเป็นที่สุด
ศาลปกครองสูงสุดจึงไม่อาจรับคำฟ้องไว้พิจารณาเพื่อควบคุมตรวจสอบความชอบดว้ยกฎหมาย
ของคำสั่งดังกล่าวได้ "
และในมาตรา 45 ที่ให้อำนาจศาลรัฐธรรมนูญมีอำนาจวินิจฉัยปัญหาว่ากฎหมายใดขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญชั่วคราวนี้หรือไม่ ก็ไม่มีอำนาจตรวจสอบมาตรา 44 ได้นะครับผม..
จากข้อกฎหมายดังกล่าว สรุปใจความ มาตรา 44 ได้ว่า
1.คำสั่งหรือการกระทำใด ๆ ตามมาตรา 44 ไม่ว่าจะชอบหรือไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ก็ให้ถือว่าเป็นคำสั่งหรือการกระทำ ที่ชอบด้วยกฎหมายและรัฐธรรมนูญนี้
2.คำสั่งหรือการกระทำใด ๆ ตามมาตรา 44 ให้ถือว่าเป็นที่สุด คือจะโต้แย้ง อุทธรณ์ ฎีกา ไม่ได้
เพราะให้ถือว่าชอบด้วยกฎหมายและรัฐธรรมนูญซึ่งเป็นกฎหมายสูงสุดแล้ว อีกทั้งให้ถือว่าคำสังดังกล่าวเป็นที่สุด และยังห้ามไม่ให้่ศาลรัฐธรรมนูญรับวินิจฉัยว่าคำสั่งตามมาตรา 44 ดังกล่าวจะขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว พ.ศ.2557 หรือไม่???
ดังนั้น คำสั่ง คสช.ตามมาตรา 44 จึงถือว่าเป็นที่สุด ข้าราชการ ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากมาตรา44 จึงไม่สามารถที่จะนำคดีไปร้องต่อศาลต่างๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็นศาลปกครอง ศาลแพ่ง ศาลอาญา หรือแม้แต่ศาลรัฐธรรมนูญ
แล้วประชาชนจะไปพึ่งใคร พึ่งศาลก็ไม่ได้...
ถามว่าคำสั่ง คสช.ตามมาตรา 44 เป็นกฎหมายหรือเปล่า ?
ก็ตอบได้ว่าเป็นกฎหมาย แถมเป็นกฎหมายสูงสุด ที่กฎหมายหรือคำสั่งอื่นจะขัดหรือแย้งกับคำสั่ง คสช.ตามมาตรา 44 ไม่ได้
แล้วถามว่าคำสั่ง คสช. ตามมาตรา 44 ชอบด้วยหลักนิติรัฐ นิติธรรม หรือไม่ ?
ผมก็ตอบได้ว่า คำสั่งตามมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญชั่วคราว 2557 เป็นกฎหมายพิเศษ
ที่ยกเว้นหลักกฎหมายทั่วไป ยกเว้นหลักนิติรัฐ นิติธรรม
หลักการแบ่งแยกอำนาจ ของฝ่ายบริหาร ฝ่ายนิติบัญญัติ และฝ่ายตุลาการ
เพราะ มาตรา 44
1.ให้อำนาจ คสช.หรือนายกรัฐมนตรี ที่จะออกคำสั่ง กฎหมายอะไรก็ได้
ประเภทที่สามารถออกได้ตามอำเภอใจก็ว่าได้...
2. คำสั่ง หรือกฎหมาย ที่ออกตามมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญชั่วคราว ให้ถือว่าชอบด้วยกฎหมายและรัฐธรรมนูญและให้ถือว่าเป็นที่สุด ไม่สามารถ โต้แย้ง คัดค้าน ไม่สามารถฟ้องร้องทั้งทางแพ่งและทางอาญา หรือฟ้องศาลปกครองเพื่อให้เพิกถอนคำสั่งของ คสช. ของนายกรัฐมนตรี ตาม มาตรา 44 ได้
วันนี้นายกจะย้ายข้าราชการ ก็ต้องใช้มาตรา 44 ทั้งๆ ที่เป็นอำนาจที่สามารถทำได้อยู่แล้ว
แต่เป็นเพราะประเทศไทยนายกไม่สามารถแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการได้ เดียวถูกฟ้องศาลปกครอง
นายกแต่งตั้้ง โยกย้าย ข้าราชการไม่ได้ แล้วงานจะเดินได้อย่างไร ? เจอข้าราชการสายตรงข้าม
ใส่เกียร์ว่าง....แต่บอกว่าสามารถทำงานได้...
ดังนั้นผมสนับสนุนให้มีมาตรา 44 คงอยู่ตลอดไป เพื่อให้นายกสามารถแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการได้...
แต่มาตรา 44 ที่ไม่ถูกต้องไม่เป็นธรรม ก็ทำให้ประชาชนได้รับความเดือนร้อน ไม่ได้รับความคุ้มครอง สิทธิ เสรีภาพ ตามที่กฎหมายรัฐธรรมนูญรับรองไว้เช่นกัน
คำสั่ง คสช.ที่ 4/2559 เรื่องยกเว้นผังเมือง สำหรับโรงงานไฟ้ฟ้า โรงงานขยะ
ก็มีประชาชนออกมาชุมนุมคัดค้าน...
ภาพประชาชนออกมาเรียกร้องขอกฎหมายผังเมืองคืน ภาพถ่ายจาก EnLAW
ต่อมาได้มีการยื่นคำฟ้องร้องต่อศาลปกครองสูงสุด เพื่อให้เพิกถอนคำสั่งตามมาตรา 44 ดังกล่าว
แต่สุดท้ายศาลปกครองสูงสุดได้มีคำสั่งไม่รับฟ้องไว้พิจารณา โดยศาลปกครองสูงสุดได้วินิจฉัยโดยสรุปได้ว่า " แม้เนื้อหาของคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 4/2559 มีสถานะเป็นกฎที่ออกโดยคณะรัฐมนตรีหรือโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี ซึ่งโดยทั่วไปอยู่ในอำนาจของศาลปกครองสูงสุด ( ตามมาตรา 3และมาตรา 11 (2) พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ.2542 ) แต่เนืองจาก
การออกคำสั่งหัวหน้า คสช.ดังกล่าว อาศัยอำนาจโดยตรงตามรัฐธรรมนูญฯ ( ฉบับชั่วคราว ) พ.ศ.2557 มาตรา 44 มิได้ออกโดยอาศัยอำนาจตามกฎหมายว่าด้วยการผังเมือง ประกอบกับรัฐธรรมนูญฯมาตรา 44
บัญญัติให้คำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ออกมาถือว่าชอบด้วยกฎหมายและรัฐธรรมนูญและเป็นที่สุด
ศาลปกครองสูงสุดจึงไม่อาจรับคำฟ้องไว้พิจารณาเพื่อควบคุมตรวจสอบความชอบดว้ยกฎหมาย
ของคำสั่งดังกล่าวได้ "
ดูบทความ ที่ศาลปกครองสูงสุดไม่รับวินิจฉัยคดี ผังเมือง.จากมาตรา 44 ได้ที่น้ี้
http://enlawfoundation.org/newweb/?p=3027
และที่เป็นข่าวดังในขณะนี้ ก็คือ คำสั่ง คสช.ที่ 5/2560 ที่ให้อำนาจ DSI ตัดน้ำ ตัดไฟ ตัดสัญญาณโทรศัพท์ ของประชาชนในบริเวณวัดพระธรรมกาย ซึ่งทำให้ พระ แม่ชี ลูกศิษย์วัด และประชาชนที่อยู่บริเวณนั้นได้รับความเดือนร้อน และในกรณีนี้ก็มี พระ ลูกศิษย์วัดพระธรรมกาย ออกมาโต้แย้ง คัดค้าน
คำสั่งดังกล่าวเนื่องจากเห็นว่าไม่ถูกต้อง ไม่เป็นธรรม เป็นการใช้อำนาจเกินกว่าเหตุอันสมควร
สุดท้ายด้วยคำสั่งนี้ ทำให้มีลุงปีนเสาสัญญาณประท้วง เพื่อให้นายกยกเลิก มาตรา 44 ที่สั่งตัดสัญญาณโทรศัพท์ดังกล่าว แต่ไม่เป็นผล ทำให้ลุงตัดสินใจฆ่าตัวตายเพื่อประท้วงคำสั่งตามมาตรา 44 ดังกล่าว
เพราะด้วยคำสั่งตามมาตรา 44 ลุงจะไปฟ้องศาลเป็นที่พึ่งก็ไม่ได้ จะพึ่งสื่อมวลชน เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมก็ไม่ได้ เพราะสือเองก็กลัวมาตรา 44 เหมือนกัน....
สุดท้ายที่นี้ประเทศไทย... เเม้เราจะพึ่งศาลไม่ได้ จากการใช้อำนาจที่ไม่ชอบธรรมตามมาตรา 44 ได้
แต่เรายังมีที่พึ่งสุดท้ายของปวงชนชาวไทย
คือสถาบันพระมหากษัตริย์ เรายังมีในหลวงรัชกาลที่ 10
เป็นที่พึ่งสุดท้ายที่จะปัดเป่าความทุกข์ของประชาชนชาวไทย...
โดยประชาชนชาวไทย สามารถยื่นถวายฎีกาต่อพระองค์ได้....
ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด
ทุกปัญหามีทางออกเสมอ.....
กฎหมายเพื่อความสุข
ทนายธีรวัฒน์ นามวิชา
และที่เป็นข่าวดังในขณะนี้ ก็คือ คำสั่ง คสช.ที่ 5/2560 ที่ให้อำนาจ DSI ตัดน้ำ ตัดไฟ ตัดสัญญาณโทรศัพท์ ของประชาชนในบริเวณวัดพระธรรมกาย ซึ่งทำให้ พระ แม่ชี ลูกศิษย์วัด และประชาชนที่อยู่บริเวณนั้นได้รับความเดือนร้อน และในกรณีนี้ก็มี พระ ลูกศิษย์วัดพระธรรมกาย ออกมาโต้แย้ง คัดค้าน
คำสั่งดังกล่าวเนื่องจากเห็นว่าไม่ถูกต้อง ไม่เป็นธรรม เป็นการใช้อำนาจเกินกว่าเหตุอันสมควร
สุดท้ายด้วยคำสั่งนี้ ทำให้มีลุงปีนเสาสัญญาณประท้วง เพื่อให้นายกยกเลิก มาตรา 44 ที่สั่งตัดสัญญาณโทรศัพท์ดังกล่าว แต่ไม่เป็นผล ทำให้ลุงตัดสินใจฆ่าตัวตายเพื่อประท้วงคำสั่งตามมาตรา 44 ดังกล่าว
เพราะด้วยคำสั่งตามมาตรา 44 ลุงจะไปฟ้องศาลเป็นที่พึ่งก็ไม่ได้ จะพึ่งสื่อมวลชน เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมก็ไม่ได้ เพราะสือเองก็กลัวมาตรา 44 เหมือนกัน....
สุดท้ายที่นี้ประเทศไทย... เเม้เราจะพึ่งศาลไม่ได้ จากการใช้อำนาจที่ไม่ชอบธรรมตามมาตรา 44 ได้
แต่เรายังมีที่พึ่งสุดท้ายของปวงชนชาวไทย
คือสถาบันพระมหากษัตริย์ เรายังมีในหลวงรัชกาลที่ 10
เป็นที่พึ่งสุดท้ายที่จะปัดเป่าความทุกข์ของประชาชนชาวไทย...
โดยประชาชนชาวไทย สามารถยื่นถวายฎีกาต่อพระองค์ได้....
ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด
ทุกปัญหามีทางออกเสมอ.....
กฎหมายเพื่อความสุข
ทนายธีรวัฒน์ นามวิชา
เรื่อง กราบบังคมทูลฯถวายฎีการ้องทุกข์
ตอบลบกราบบังคมทูลฯสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณฯที่เคารพรักยิ่งของปวงชนชาวไทย
ข้าพระพุทธเจ้าขอกราบบังคมทูลฯถวายฎีการ้องทุกข์เพื่อทรงทราบถึงความทุกข์ร้อน แสนสาหัสของปวงข้าพระพุทธเจ้า ขอพระบารมีปกเกล้าปกกระหม่อมระงับเหตุรุนแรงอันจะบังเกิดขึ้นระหว่างผู้ถือครองอำนาจรัฐกับสถาบันพระพุทธศาสนา มีการนำกำลังตำรวจทหารหลายพันนายล้อมวัดพระธรรมกาย ห้ามคนเข้าวัด ตัดอาหาร ตัดสัญญาณโทรศัพท์ ตัดอินเตอร์เน็ต ไล่ประชาชนออกจากวัด อันเป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์ชาติไทย
ชีวิตของปวงข้าพระพุทธเจ้าซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงและคนชรา นับหมื่นคน ตกอยู่ในความเสี่ยงที่จะบาดเจ็บล้มตาย
เวลานี้เหลือที่พึ่งสุดท้ายหนึ่งเดียว จึงขอพึ่งพระบารมีใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทให้รัฐบาลยกเลิก ม.44 ยุติการคุกคามพระพุทธศาสนา
ข้าพระพุทธเจ้าทั้งหลายขอน้อมถวายชีวิตด้วยความจงรักภักดีต่อใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท ผู้ทรงเป็นศูนย์รวมดวงใจคนไทยทั้งชาติ
ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ