การถูกตัดมิให้รับมรดก
ภาพประกอบ การถูกตัดมิให้รับมรดก
ทายาทโดยธรรมหรือผู้รับพินัยกรรม
อาจเสียสิทธิในการรับมรดกได้ด้วยเหตุดังต่อไปนี้
๑. ถูกจำกัดมิให้รับมรดก
๒. ถูกตัดมิให้รับมรดก
๓. การสละมรดก
๔. การมิได้ถือเอาทรัพย์มรดกหรือ
ไม่ได้ฟ้องเรียกมรดกภายในอายุความ
๑.การถูกจำกัดมิให้รับมรดก มีอยู่ ๒ กรณี ตามมาตรา ๑๖๐๕ และ ๑๖๐๖
๑.๑ การถูกกำจัดมิให้รับมรดกเพราะทายาทยักย้ายหรือปิดปังทรัพย์มรดก ตามมาตรา ๑๖๐๕ "ทายาทคนใดยักย้าย หรือปิดบังทรัพย์มรดกเท่าส่วนที่ตนจะได้รับหรือมากกว่านั้นโดยฉ้อฉลหรือรู้อยู่ว่า ตนทำให้เสื่อมประโยชน์ของทายาทคนอื่น ทายาทคนนั้นต้องถูกกำจัดมิให้ได้มรดกเลย แต่ถ้าได้ยักย้ายหรือปิดบังทรัพย์มรดกน้อยกว่าส่วนที่ตนจะได้ ทายาทคนนั้นต้องถูกกำจัดมิให้รับมรดกเฉพาะส่วนที่ได้ยักย้ายหรือปิดบังไว้นั้น
มาตรานี้มิให้ใช้บังคับแก่ผู้รับพินัยกรรม
ซึ่งผู้ตายได้ทำพินัยกรรมยกทรัพย์สินให้เฉพาะสิ่งเฉพาะอย่าง ในอันที่จะได้รับทรัพย์สินนั้น
"
การปิดบังหรือยักย้ายทรัพย์มรดก
ต้องเป็นการทำหลังจากเจ้ามรดกถึงแก่ความตายแล้ว ทำให้ทายาทคนอื่นเสียหาย...
๑.๒ การถูกกำจัดมิให้รับมรดกฐานเป็นผู้ไม่สมควรจะรับมรดก
ตามมาตรา ๑๖๐๖
" บุคคลดังต่อไปนี้ต้องถูกกำจัดมิให้รับมรดกฐานเป็นผู้ไม่สมควร
คือ
(๑) ผู้ที่ต้องคำพิพากษาถึงที่สุดว่าได้เจตนากระทำหรือพยายามกระทำให้เจ้ามรดกหรือผู้มีสิทธิได้รับมรดกก่อนตนถึงแก่ความตายโดยมิชอบด้วยกฎหมาย แต่ถ้าเป็นการกระทำผิดฐานฆ่าโดยไม่เจตนา
หรือฐานประมาทเป็นเหตุให้ตาย หรือเป็นการกระทำโดยพลาดหรือเป็นการป้องกันตัวนั้น
ยังมีสิทธิรับมรดกได้
(๒) ผู้ที่ได้ฟ้องเจ้ามรดกหาว่าทำความผิดโทษประหารชีวิตและตนเองกลับต้องคำพิพากษาถึงที่สุดว่า
มีความผิดฐานฟ้องเท็จหรือทำพยานเท็จ
เป็นกรณีที่ทายาทฟ้องคดีด้วยตนเองหรือเป็นโจทก์ร่วมกับพนักงานอัยการ
แต่ถ้าเป็นพนักงานอัยการเป็นโจทก์ เเม้เป็นผู้แจ้งความก็ไม่เป็นความผิด (
ผู้เสียหาย )
(๓) ผู้ที่รู้อยู่แล้วว่า เจ้ามรดกถูกฆ่าโดยเจตนา
แต่มิได้นำข้อความนั้นขึ้นร้องเรียนเพื่อเป็นทางที่จะเอาผู้ทำผิดมาลงโทษ
ต้องเป็นกรณีที่ทายาทรู้ว่าเจ้ามรดกถูกฆ่าโดยเจตนา
แต่หากเป็นการกระทำโดยประมาทหรือโดยไม่เจตนา ทายาทไม่แจ้งความร้องเรียนก็ไม่ผิด
ไม่เสียสิทธิในการรับมรดก
(๔) ผู้ที่ฉ้อฉลหรือข่มขู่ให้เจ้ามรดกทำ
หรือเพิกถอน
หรือเปลี่ยนแปลงพินัยกรรมแต่บางส่วนหรือทั้งหมดซึ่งเกี่ยวกับทรัพย์มรดก
หรือไม่ให้กระทำการดังกล่าวนั้น
(๕) ผู้ที่ปลอม ทำลาย
หรือปิดบังพินัยกรรมแต่บางส่วนหรือทั้งหมด
เจ้ามรดกอาจถอนข้อกำจัดฐานเป็นผู้ไม่สมควรเสียก็ได้
โดยให้อภ้ัยไว้เป็นลายลักษณ์อักษร เมื่อเจ้ามรดกถอนแล้ว ให้อภัยแล้ว
ทำให้ผู้ถูกกำจัดพ้นจากการถูกกำจัดฐานเป็นผู้ไม่สมควร
ทำให้มีสิทธิได้รับมรดกตามเดิม
ผลของการถูกกำจัดมิให้รับมรดกนั้น เป็นเรื่องเฉพาะตัว ให้ถือว่าผู้ถูกกำจัดได้ตายแล้ว ให้ทายาทผู้ถูกกำจัดสิทธิ
เข้ามารับมรดกแทนที่ต่อไปได้ ตามมาตรา ๑๖๐๗
๒.การตัดมิให้รับมรดก ตามมาตรา ๑๖๐๘ การสูญเสียสิทธิในการรับมรดก
เนื่องจากถูกเจ้ามรดกตัดออกจากกองมรดกนั้น
เจ้ามรดกสามารถตัดทายาทโดยธรรมของตนออกจากกองมรดกได้โดย
(๑) ตัดไม่ให้รับมรดกโดยพินัยกรรม
(๒)
ตัดมิให้รับมรดกโดยทำเป็นหนังสือมอบไว้แก่พนักงานเจ้าหน้าที่
ผลของการตัดมิให้รับมรดก ทำให้ทายาทผู้ถูกตัดมิให้รับมรดก
สูญเสียสิทธิในการรับมรดกตลอดไปและเป็นการตัดตลอดสาย
คือทายาทของผู้ถูกตัดออกจากกองมรดก จะไม่มีสิทธิรับมรดกแทนที่ได้
แต่เจ้ามรดกสามารถ ถอนการตัดมิให้รับมรดกได้
ทำให้ทายาทกลับมามีสิทธิได้รับมรดกตามเดิม ได้ตามมาตรา ๑๖๐๙
๓.การสละมรดก การสูญเสียสิทธิในการรับมรดก
เนื่องจากการสละมรดกนั้น กฎหมายได้กำหนดแบบของการสละมรดกไว้ในมาตรา ๑๖๑๒ ว่า
" การสละมรดกนั้นต้องแสดงเจตนาชัดแจ้งเป็นหนังสือมอบไว้แก่พนักงานเจ้าหน้าที่
หรือทำเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความ "
ตามกฏหมายมาตราดังกล่าว การสละมรดกจึงต้องตามแบบที่กฎหมายกำหนด คือ
๑ ) แสดงเจตนาชัดแจ้งเป็นหนังสือแล้วมอบไว้แก่พนักงานเจ้าหน้าที่ ถ้าไม่ได้มอบไว้แก่เจ้าพนักงานเจ้าหน้าที่ก็ใช้ไม่ได้
เช่น มอบให้ทายาทด้วยกันเองว่าไม่ต้องการทรัพย์มรดกแล้ว...
๒ ) การสละมรดกโดยทำเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความ คือ
การที่ทายาทคนหนึ่งทำความตกลงระงับข้อพิพาทเกี่ยวกับทรัพย์มรดกกับทายาทคนอื่น โดยที่ทายาทคนนั้นยอมสละมรดกส่วนที่ตกแก่ตนทั้งหมดให้เป็นประโยชน์แก่ทายาทอื่นทุกคน และทายาทคนอื่นย่อมให้ประโยชน์อย่างอื่นทดแทน
การสละมรดก ตามมาตรา ๑๖๑๒
ต้องเป็นการสละมรดกทั้งหมดของตนให้กับทายาทคนอื่นทุกคน
ถ้าเป็นการสละให้กับทายาทคนใดคนหนึ่งโดยเฉพาะ ก็จะเป็น การให้
แลกเปลี่ยน หรือซื้อขาย ไป
การสละมรดก ต้องเป็นการสละมรดกทั้งหมดโดยไม่มีเงื่อนไขหรือเงื่อนเวลา ตามมาตรา ๑๖๑๓
จะสละมรดกเพียงบางส่วน หรือโดยมีเงื่อนไขหรือเงื่อนเวลาไม่ได้
การสละมรดกจะสละสิทธิอันหากจะมีในภายหน้าในการรับมรดกของผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่ไม่ได้ ตามมาตรา ๑๖๑๙
การสละมรดกจะต้องทำขึ้นเมื่อเจ้ามรดกถึ่งแก่ความตายแล้วเท่านั้น
จะทำล่วงหน้าก่อนเจ้ามรดกตายไม่ได้ เป็นการต้องห้ามตามมาตรานี้
การสละมรดกของเด็ก ่ของผู้หย่อนความสามารถจะกระทำไม่ได้ เว้นแต่ได้รับความยินยอมจากบิดามารดา ผู้ปกครอง
ผู้อนุบาล หรือผู้พิทักษ์แล้วแต่กรณีและได้รับอนุมัติจากศาลแล้วเท่านั้น ตามมาตรา
๑๖๑๑
ผลของการสละมรดก ตามมาตรา ๑๖๑๕
ให้มีผลย้อนหลังไปถึงเวลาที่เจ้ามรดกตาย
ทำให้ผู้สละมรดกไม่มีฐานะเป็นทายาทตั้งแต่เจ้ามรดกตาย และให้ผู้สืบสันดานของผู้สละมรดกมีสิทธิสืบมรดกได้
การขอเพิกถอนการสละมรดก โดยปรกติจะทำไม่ได้เนื่องจากกฎหมายไม่อนุญาตให้เพิกถอนการสละมรดกได้ตามมาตรา
๑๖๑๓ วรรคสอง แต่ถ้าเป็นการสละมรดกโดยฉ้อฉลเจ้าหนี้ กฎหมายอนุญาตให้เพิกถอนการสละมรดกในกรณีนี้ได้
เพื่อให้เจ้าหนี้ได้รับประโยชน์ในการรับการชำระหนี้จากทรัพย์มรดกของลูกหนี้
ของทายาทที่สละมรดก ได้สละนั้น
ทั้งนี้ผู้มีสิทธิขอเพิกถอนการสละมรดกก็คือ เจ้าหนี้ ตามมาตรา ๑๖๑๔
การสูญเสียสิทธิในการรับมรดก กรณีสุดท้าย คือ
๔. การมิได้ถือเอาทรัพย์มรดกหรือไม่ได้ฟ้องเรียกมรดกภายในอายุความ ตามมาตรา ๑๗๕๔
การที่ทา่ยาทไม่ได้เข้าครอบครองหรือไม่ได้ฟ้องเรียกเอาทรัพย์มรดกภายในอายุความ
๑ ปี ทำให้ทายาทเสียสิทธิในการรับมรดก เพราะฟ้องไปก็แพ้
หากทายาทอีกฝ่ายยกอายุความขั้นต่อสู้
สิทธิของการรับมรดกและการเสียสิทธิในการรับมรดก นั้นมีอยู่ตามกฎหมาย
ขอให้เพื่อนๆ
ดูแลรักษาสิทธิประโยชน์ของตนเองและของญาติพี่น้องให้ดีดีนะครับ
บทความที่เกี่ยวข้อง
แล้วพบกันใหม่ที่บทความต่อไปครับ
หวังว่าจะมีประโยชน์ต่อเพื่อนๆ นะครับ
ปล. ชอบกด Like ใช่กด Share รักกด Love
กฎหมายเพื่อความสุข
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น