จะทำอย่างไรเมื่อได้รับหมายศาลคดีบัตรเครดิต
ภาพคำให้การต่อสู้คดีบัตรเครติด
คดีบัตรเครดิตเป็นคดีอะไร คดีบัตรเครดิตเป็นคดีผิดนัดผิดสัญญาทางแพ่ง จัดอยู่ในคดีผู้บริโภค ที่โจทก์จะต้องฟ้องจำเลย ( ผู้ใช้บัตร ) ณ ศาลที่จำเลยมีภูมิลำเนาตั้งอยู่ คือคดีบัตรเครดิตต้องไปขึ้นศาลที่จำเลยมีซื่่ออยู่ในทะเบียนบ้าน...เช่น ผู้ใช้บัตรมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน อำเภอเมือง จังหวัดศรีสะเกษ ไปทำงานอยู่กรุงเทพฯ สมัครบัตรเครดิตอยู่กรุงเทพ เวลาโดนฟ้องคดีต้องมาขึ้นศาลจังหวัดศรีสะเกษนะครับ เพราะเป็นศาลจำเลยมีภูมิลำเนาอยู่
จะทำอย่างไรเมื่อได้รับหมายศาลคดีบัตรเครดิต??
๑.อันดับแรกถามตัวเองก่อนว่าได้เป็นสมัครใช้บัตรเครดิตดังกล่าวหรือเปล่า ?
๒.เราได้ใช้จ่ายบัตรเครดิตตามที่ฟ้องหรือเปล่า ยอดหนี้ตามใบเสร็จที่โจทก์แนบมาท้ายฟ้อง ถูกต้องหรือเปล่า ?
๓.มีทางสู้คดีให้ชนะหรือเปล่า ?
๔.ถ้าสู้คดีไม่ได้ จะสามารถเจรจาไกล่เกลี่ยได้เท่าใด ?
แนวทางการต่อสุ้คดีบัตรเครดิต จะให้การต่อสู้คดีบัตรเครดิตอย่างไรดี
๑.ต่อสู้เรื่องบัตรเครดิตขาดอายุความ 2 ปี
อายุความบัตรเครดิต 2 ปี หมายความว่าอย่างไร เนื่องจากสัญญาบัตรเครดิตนั้นมิใช่สัญญากู้ยืมเงิน หรือสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชี หรือเป็นสัญญาเดินสะพัดทางบัญชีแต่อย่างใด เเต่สัญญาบัตรเครดิต เป็นสัญญารับทำการงานต่างๆ ให้แก่สมาชิก ซึ่งมีลักษณะเป็นกิจการงานบริการอำนวยควายสะดวกแก่สมาชิก จึงมีอายุความ 2 ปี นับแต่วันที่ลูกหนี้ผิดนัดชำระหนี้ ตามประมวลกฎหมายเเพ่งและพาณิชย์มาตรา 193/34 (7) ดังนั้น ธนาคารเจ้าของบัตรเครดิตต้องฟ้องคดีภายใน 2 ปี เพราะหากฟ้องคดีเมื่อพ้นกำหนดระยะเวลา 2 ปี ลูกหนี้บัตรเครดิตหรือจำเลยสามารถยื่นคำให้การต่อสู้คดีได้ว่า ฟ้องโจทก์ขาดอายุความแล้ว ซึ่งทำให้ศาลมีอำนาจหยิบยกเรื่องอายุความขึ้นมาวินิจฉัยยกฟ้องได้
อายุความบัตรเครดิต 2 ปี นับจาก วันที่จำเลยผิดนัดครั้งแรก เช่นธนคารมีใบเสร็จใบแจ้งหนี้แจ้งให้จำเลยชำระหนี้บัตรเครดิตภายในวันที่ 7 พฤษภาคม 2540 แต่จำเลยไม่ชำระหนี้ตามกำหนด ถือว่าจำเลยตกเป็นผู้ผิดนัด ธนาคารโจทก์ย่อมบังคับสิทธิเรียกร้องได้ตั้งแต่วันที่ 8 พฤษภาคม 2540 ซึ่งจะครบกำหนดอายุความในวันที่ 7 พฤษภาคม 2542
อีกแบบหนึ่งคือ ธนาคารบอกยกเลิกบัตรเครดิตแล้วแจ้งให้สมาชิกชำระหนี้ทั้งหมดภายในวันใดนั้น ถ้าสมาชิกไม่ชำระหนี้ทั้งหมดภายในกำหนดดังกล่าว ก็ถือว่าสมาชิกบัตรเครดิตผิดนัดนับแต่วันนั้นเป็นต้นไป นับอายุความ 2 ปี นับแต่วันผิดนัดเป็นต้นไปคับ..
อายุความบัตรเครดิต 2 ปี สะดุดหยุดลง คือ พูดแบบง่ายๆ คือ จะครบกำหนดอายุความ 2 ปีแล้ว จะไม่ต้องรับผิดชอบใช้หนี้ให้ธนาคารแล้ว แต่ต้องกลับมานับอายุความเริ่มต้นหนึ่งใหม่อีกครั้ง เนื่องจากลูกหนี้ทำหนังสือรับสภาพหนี้กับธนาคาร หรือลูกหนี้ชำระหนี้ให้บางส่วน หรือชำระดอกเบี้ย เป็นต้น ตามมาตรา 193/14(1) เช่นไม่ได้ชำระหนี้บัตรเครดิตมาแล้ว 1 ปี 10 เดือน เหลืออีก 2 เดือนคดีจะขาดอายุความ แต่เดือนถัดมากลับไปจ่ายหนี้บัตรเครดิตให้ 500 บาท เนื่องจากเบื่อที่โดนโทรทวงหนี้ ก็เป็นผลทำให้อายุความบัตรเครดิตสะดุดหยุดลง ต้องกลับมาเริ่มนับหนึ่งใหม่นับถัดจากวันจ่ายหนี้เป็นต้นไป
แต่ถ้าหมดอายุความบัตรเครดิต 2 ปี แล้วมาชำระภายหลังจากที่ขาดอายุความแล้ว ก็ถือว่าอายุความขาดไปแล้ว ไม่ทำให้อายุความสะดุดหยุดลง ไม่เป็นการรับสภาพหนี้ แต่จะเรียกเงินที่ชำระหนี้หลังจากขาดอายุความคืนไม่ได้ก็เท่านั้นเอง ตามมาตรา 193/28 วรรคหนึ่ง
ท่านต้องยกเริื่องอายุความบัตรเครดิตขาดอายุความ 2 ปี แล้วขึ้นเป็นคำให้การต่อสู้คดี เพราะถ้าไม่หยิบยกเรื่องอายุความขึ้นต่อสู้ ก็ถือว่าท่านสละอายุความบัตรเครดิต 2 ปี ศาลจะยกฟ้องโจทก์เนื่องจากคดีขาดอายุความเองไม่ได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 193/29
ตัวอย่างฎีกาบัตรเครดิต
ฎีกาที่ 8805/2544 การที่โจทก์ให้บริการประเภทบัตรเครดิตให้แก่สมาชิก โดยโจทก์ให้สมาชิกใช้ซื้อสินค้าไปก่อนหรือกดเงินสดไปก่อนแล้วโจทก์ไปชำระค่าสินค้าแทนให้แล้วเรียกเก็บเงินในภายหลัง แล้วเรียกเก็บค่าธรรมเนียมต่างๆ จากสมาชิก เป็นกรณีที่โจทก์ประกอบธุรกิจในการรับทำงานต่างๆ เรียกเอาเงินที่ได้ออกทดรองไป ตามประมวลกฎหมายเเพ่งและพาณิชย์มาตรา 19314(7) มีอายุความ 2 ปี โจทก์แจ้งให้จำเลยชำระหนี้บัตรเครดิตภายในวันที่ 7 พฤษภาคม 2540 แต่จำเลยไม่ชำระหนี้ตามกำหนด ถือว่าจำเลยตกเป็นผู้ผิดนัด ธนาคารโจทก์ย่อมบังคับสิทธิเรียกร้องได้ตั้งแต่วันที่ 8 พฤษภาคม 2540 ซึ่งจะครบกำหนดอายุความในวันที่ 7 พฤษภาคม 2542 การที่จำเลยชำระหนี้บางส่วนในวันที่ 22 ธันวาคม 2542 เป็นการชำระหนี้ภายหลังจากขาดอายุความแล้ว จึงเพียงแต่ทำให้ลูกหนี้เรียกคืนไม่ได้ตามประมวลกฎหมายเเพ่งและพาณิชย์มาตรา 193/28 วรรคหนึ่งเท่านั้น ไม่เป็นการรับสภาพหนี้อันจะทำให้อายุความสะดุดหยุดลงตามมาตรา 193/14(1) เมื่อโจทก์ฟ้องคดีในวันที่ 9 สิงหาคม 2543 ซึ่งหลังจากครบกำหนดอายุความแล้ว ฟ้องโจทก์จึงขาดอายุความ
๒. ข้อต่อสู้อื่นๆ ก็เช่นเรื่องดอกเบี้ยคิดไม่ชอบด้วยกฎหมาย มีการคิดดอกเบี้ยแบบทบต้นทบดอก โหดยิ่งกว่าเจ้าหนี้นอกระบบ หรือธนาคารเจ้าหนี้ใช้สิทธิโดยไม่สุจริต หรือธนาคารยังไม่เสียหาย ยังไม่ได้ผิดนัดผิดสัญญา ประเภทผ่อนขั้นต่ำอยู่ดีๆ ธนาคารกลับรวบกับบัตรอื่นมาฟ้องชะอย่างนั้น...เป็นต้น
คดีบัตรเครดิต ไม่ไปศาลตามหมายนัดจะเป็นอย่างไร ??? ก็แพ้คดีซิครับ ประมาณ 99 % อีก 1% ศาลอาจยกฟ้องก็ได้เนื่องจากความบกพร่องของโจทก์เอง แต่จริงๆ แล้วไม่ไปศาลก็ได้นะครับ ถ้าคุณคิดว่าไม่เกิดประโยชน์เสียเวลา ทำมาหากิน...เพราะว่า
1.คดีบัตรเครติดเป็นคดีแพ่ง จำเลยไม่ต้องไปศาลก็ได้ อาจแต่งตั้งให้ทนายทำแทน มอบอำนาจให้คนอื่นไปแทน หรือไม่ต้องทำอะไรก็ได้ตามสิทธิของจำเลยไม่โดนจับอยู่แล้ว
2.ถ้าดูแล้ว คุณสมัครบัตรเครดิตจริง ใช้บัตรเครดิตจริงตามฟ้อง ไม่มีข้อต่อสู้คดีอะไรที่จะชนะคดีได้ เสียค่าทนาย ค่ารถ ค่าทำมาหากินเปล่า ๆๆ ก็ไม่ต้องไปศาลครับ
3.ประเภทที่ไม่สามารถเจรจาตกลงไกล่เกลี่ยกับทางธนาคารได้ กับทนายโจทก์ได้ เพราะหลังจากโดนฟ้อง คุณสามารถโทรไปเจรจาไกล่เกลี่ยกับทางธนาคารได้ ซึ่งบางธนาคารก็ใจดี ลดต้น ลดดอกให้ บางธนาคารก็ลดให้เฉพาะดอกเบี้ยเท่านั้น และทางธนาคารจะกำหนดเงื่อนไขให้คุณผ่อนชำระมา ถ้าคุณโทรคุยแล้ว ตกลงไม่ได้ คุณคิดว่าไม่ไหวแน่ๆๆ คุณก็ไม่ต้องมาศาลให้เสียเวลา เพราะมาก็คุยตกลงกันไม่ได้อยู่ดี แต่ถ้าคุณคิดว่าพอไหวขอต่อเวลาผ่อนชำระอีกหน่อย คุณควรมาศาล เจรจาขอเองเบื้องต้นก่อน ถ้าไม่ได้ก็ขอให้ศาลผู้พิพากษาช่วยขอให้ เพราะความจริงแล้วธนาคารเขายังขยายเวลาให้คุณผ่อนชำระได้อยู่...
4.ส่วนเรื่องดอกเบี้ยร้อยละ 28 ต่อปี หรือเงินดอกเบี้ยที่โจทก์ฟ้องเรียกมาในฟ้อง ศาลท่านมีอำนาจที่จะปรับลดให้ตามสมควรอยู่แล้ว...ท่านไม่มา หรือมาแล้วไม่สู้คดี ศาลท่านก็ใจดีมีอำนาจตัดลดให้อยู่แล้ว
5.แต่ถ้าท่านเห็นว่าคดีท่านมีทางชนะ เช่นคดีขาดอายุความแล้ว ท่านควรมาศาล เพราะถ้าไม่มาท่านก็จะเเพ้คดี เพราะศาลไม่มีอำนาจที่จะหยิบยกเรื่องอายุความ มาวินิจฉัยยกฟ้องโจทก์ได้ แม้ศาลท่านใจดีอยากจะช่วยท่านก็ตาม เนื่องจากท่านไม่มาศาลไม่มาต่อสู้คดีและหยิบยกเรื่องบัตรเครดิตขาดอายุความแล้วขึ้นเป็นข้อต่อสู้คดี...
กฎหมายเกี่ยวกับบัตรเครดิต
๑. อายุความบัตรเครดิต 2 ปี ตามประมวลกฎหมายเเพ่งและพาณิชย์มาตรา 19314(7)
๒.อายุความสะดุดหยุดลงตามมาตรา 193/14(1) จากการรับสภาพหนี้ ชำระหนี้บางส่วน ชำระดอกเบี้ย
๓.เรียกเงินที่ชำระหลังขาดอายุความคืนไม่ได้ ตามประมวลกฎหมายเเพ่งและพาณิชย์มาตรา 193/28 วรรคหนึ่ง
๔.อายุความบัตรเครดิต 2 ปี ต้องยกขึ้นให้การต่อสู้คดี ศาลจึงจะหยิบยกขึ้นมาวินิจฉัยยกฟ้องโจทก์ได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 193/29 " เมื่อไม่ได้ยกอายุความขึ้นเป็นข้อต่อสู้ ศาลจะอ้างเอาอายุความมาเป็นเหตุยกฟ้องไม่ได้"
ส่วนกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวกับบัตรเครดิต ก็มีประกาศธนาคารแห่งประเทศไทยเรื่องดอกเบี้ย เบี้ยปรับต่างๆ
เป็นหนี้บัตรเครดิตติดคุกหรือไม่ ??
คำถามสุดท้าย เป็นหนี้บัตรเครดิต ติดคุกหรือไม่ ทนายขอตอบว่าคดีบัตรเครดิตเป็นคดีแพ่งไม่ใช่คดีอาญาจึงไม่ติดคุก เพราะเมื่อคุณแพ้คดี ไม่จ่ายหนี้ตามคำพิพากษา เจ้าหนี้ธนาคารก็จะมีการส่งคำบังคับให้คุณชำระหนี้ตามคำพิพากษาภายใน ๓๐ วันนับแต่ได้รับหมาย ถ้าคุณยังไม่จ่าย ธนาคารก็จะมีการบังคับคดี ยึดทรัพย์คุณออกขายทอดตลาด หรือยึดเงินเดือนคุณ เป็นต้น ถ้าคุณไม่มีทรัพย์สินอะไรให้ยึด เจ้าหนี้ก็ไม่สามารถจับคุณเข้าคุกได้ รอยึดทรัพย์คุณไปภายใน ๑๐ ปี ถ้าไม่มีอะไรให้ยึดก็จบ..ตัวใครตัวมัน..แบบว่าไม่ต้องมากู้เงินกับธนาคารนี้อีกแล้วนะ และธนาคารอื่นอาจไม่ปล่อยกู้ด้วยเพราะเสียเครดิตแล้ว
แต่เป็นหนี้บัตรเครติดอาจติดคุกได้ ถ้าคุณโกงเจ้าหนี้ ประเภทมีทรัพย์สินแล้วกลัวโดนยึด เอาทรัพย์สินไปโอนย้ายให้คนอื่น หรือประเภทโดนยึดทรัพย์ขายทอดตลาดแล้ว ได้รับหมายแจ้งให้ออกจากบ้านแล้วไม่ยอมออก ก็ต้องถูกจับไปนอนคุกเพื่อส่งมอบบ้านให้กับคนซื้อต่อไปครับผม...
เรื่องบัตรเครดิต ก็คงมีประเด็นประมาณนี้ครับ
ถ้าส่งสัยอะไรสอบถามเพิ่มเติมได้ครับจะมาตอบให้
หวังว่าบทความนี้จะมีประโยชน์กับเพื่อนๆ นะครับ
กฎหมายเพื่อความสุข
ทนายธีรวัฒน์ นามวิชา
ทนายความศรีสะเกษ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น